ซีรีส์น่าดู Ever Night 1 จากนิยายจีนสุดฮิต มาเป็นซีรี่ส์กำลังภายในสุดฮ็อต

“สยบฟ้าปราบแผ่นดิน” เป็นคำกลอนของ Mao Ni (เมานี่) หนึ่งในนักเขียนนวนิยายจีนออนไลน์แถวหน้าในช่วงเวลานี้ และหัวข้อนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ 2 ของเมานี่ที่ถูกทำเป็นซีรี่ส์ เรื่องแรกคือ “Fighting of the Destiny” ที่เรียกได้ว่าได้ผลสำเร็จงานสร้างชื่อของเขาออกฉายในปี 2017 ส่วนสยบฟ้าปราบแผ่นดินนั้นเป็นเรื่องต่อมาที่ออกฉายในปี 2018 (หัวข้อนี้นั้น เมานี่ ได้รับรางวัล Online Literature Award ในปี 2015 และมียอดผู้อ่านออนไลน์กว่า 5,500ล้านทิวทัศน์) และเรื่องปัจจุบันก็คือเรื่องที่ผมเขียนรีวิวไปก่อนหน้าที่ผ่านมา “หาญท้าชะตาฟ้า ปัญหายุทธจักร” ที่ออกฉายในปี 2019 และในปี 2020 นี้ “สยบฟ้าปราบแผ่นดินภาค 2” ก็เริ่มออกฉายแล้ว จากเพียงเท่านี้บอกเลยว่ามีนักเขียนไม่กี่คนหรอกที่ถูกนำผลงานมาสร้างละครได้ติดๆกันขนาดนี้

แล้ว เมานี่ มีดีอะไรนิยายของเขาถึงเข้าตานัก? จะต้องพูดว่านิยายของเมานี่ มักจะมีเนื้อหาที่เยอะแถมเขายังให้รายละเอียดเจริญสำหรับการเขียนด้วย ถ้าจะให้เห็นภาพบางครั้งก็อาจจะทดลองนึกถึงเรื่อง Lord of The Rings มองครับผม เพียงแค่แต่งนิยายเพียงแค่เรื่องเดียว โทลคีน ถึงกับสร้างภาษาเอลฟ์ขึ้นมาใช้เองอย่างยิ่งจริงๆ มีตลอดตัวอักษร อีกทั้งคำอ่านอะไรทำนองนั้น เมานี่ก็เช่นกัน เขาได้สร้างลำดับชั้น อาชีพ วิชา ต่างๆออกมาใหม่ได้น่าสนใจมากมายๆแล้วเขาก็เสนอมาใช้ได้ดี แถมแต่ละเรื่องเขายังเปลี่ยนรายละเอียดเหล่านั้นออกไปต่างกันอีกด้วย (ไม่เหมือนจักรวาลกิมย้ง ที่มักจะใช้วิชา หรือเผ่าพันธุ์สำหรับการเชื่อมต่อนิยายแต่ละเรื่องของเขา) ที่ผมเกริ่นมานานขนาดนี้ไม่ใช่อะไรหรอก ต้องการจะพูดว่าด้วยเนื้อหารายละเอียดที่เยอะ ละครที่มาจากนิยายของเมานี่ส่วนใหญ่เลยมักจะปูเนื้อเรื่องนาน อย่างสยบฟ้าฯนี่ 30 ช่วงแรกเหมือนเป็นการเสนอแนะสิ่งต่างๆในเรื่องผมก็แอบมีความคิดว่ามันเอื่อยนิดๆเช่นกัน แต่ว่าใน 30 ภายหลังนี่หยุดมิได้เลย ด้วยเหตุดังกล่าวผู้ที่ไม่ใช่แฟนของเมานี่บางครั้งก็อาจจะจะต้องทนๆมองไปสักนิดนึงครับผมสยบฟ้าพิชิตปฐพี

“หนิงเชวีย” (ผู้แสดงนำชายของพวกเรา) เป็นกำพร้าคนรอดชีวิตเพียงแค่อย่างเดียวจากจวนแม่ทัพ “หลินกวงหย่วน” ที่ถูกยัดข้อกล่าวหากบฏให้ถูกประหารอีกทั้งตระกูล(แต่ว่าเหตุผลจริงๆคือจวนแม่ทัพถูกทำนายว่าจะมีบุตรแห่ง “หมิงหวัง” หรือ “ดาวมรณะ” มากำเนิดที่จวนนี้) จากภาพที่ชั่วร้ายที่เขาได้เห็นในวัยเด็กนั้น ทำให้หนิงเชวียตั้งปณิธานอย่างมุ่งมั่นว่าควรต้องแก้แค้นผู้ที่เป็นต้นเหตุการฆ่าล้างจวนนี้ให้ได้ และเขาก็ดำเนินชีวิตบนแนวคิดนี้นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

ระหว่างทางที่หนีตายออกมาจากเมืองหลวงแว่นแคว้นถังนั่นเอง หนิงเชวียได้เจอกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งร้องจากกองซากศพที่มองก็รู้ว่าถูกฆ่าล้างครอบครัว พร้อมร่มดำปัญหาคันหนึ่ง(มารู้ที่หลังว่าเป็นอาวุธระดับเทวดา) เด็กน้อยคนนี้ชื่อ “ซังซัง” หนิงเชวียเก็บซังซังมาด้วยเพราะเหตุว่ามีความคิดเห็นว่ามีชะตาชีวิตราวตนเองเลย อีกทั้ง 2 โตมาได้อย่างไรไม่เคยทราบแต่ว่าในขณะที่หนิงเชวียอายุได้ 10ปีปลายๆเขาก็ได้เข้าร่วมกับกองทหารเพื่อหาเงิน และพาซังซังเข้าไปด้วยในฐานะสาวใช้ประจำตัว