
ย้ายประเทศกันเถอะ ยังเป็นกระแสร้อนในโลกโซเชียล นอกจากถูกวิพากษ์วิจารณ์ในหลายแง่มุม ล่าสุดยังเป็นที่มาของดราม่าเรื่องใหม่ “ลูกบิด”
วันที่ 4 เดือนพฤษภาคม 2564 ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาตลอดถึงวันนี้ ชาวโซเชียลคงจะเลื่อนฟีดแล้วเจอมุกเกี่ยวกับ “ลูกบิด” มาบ้าง ทีแรกหลายๆคนบางทีอาจรู้สึกว่าเป็นมุกส่วนตัวหรือมุกเฉพาะกรุ๊ปของเพื่อนๆในเฟซบุ๊ก แต่ว่าเชื่อหรือไม่ว่าดราม่านี้เป็นความตลอดจากกระแส กรุ๊ปเฟซบุ๊ก “ย้ายประเทศกันเถอะ” ซึ่งในเวลา 13.55 น. วันนี้ ปริมาณสมาชิกพุ่งไปถึง 6.7 แสนคน แล้ว
ด้วยความแรงของ “ย้ายประเทศกันเถอะ” ทำให้มีหลายๆคนออกมาตักเตือนผู้ใหญ่ที่มีอำนาจว่าอย่าละเลยประเด็นนี้ ไม่ว่าจะเป็น “สมชัย ศรีสุทธิยากร” สมัยก่อนกรรมการการลงคะแนนเสียง (กกต.) ที่มองว่า ถ้าหากสมาชิกในกลุ่มนี้ เพียง 1% หรือ 10% ได้ย้ายไปยังประเทศอื่นๆจริงๆนับว่าน่าห่วง เนื่องจากผู้ที่จะไปได้ควรเป็นระดับครีมของครีม เป็นผู้ที่มีความรู้และมีความเข้าใจจริงที่เป็นประเทศนั้นเห็นด้วย
ด้าน “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” แกนนำแนวร่วมระบบประชาธิปไตยต้านทานเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พินิจพิจารณาว่า คนหนุ่มสาวรับมิได้และไม่เห็นวี่แววความเปลี่ยนแปลง ก็อาจต้องการย้ายเนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ไม่เป็นแบบงี้ แต่ว่าถึงที่สุดพวกเขาจะเข้าใจตรงกันว่าไม่ได้ง่าย รวมทั้งความรู้สึกนี้จะแปลงเป็นพลังหันมาสู้เพื่อเปลี่ยนประเทศให้มีอนาคตเพื่อคนทุกฝ่าย มีพื้นที่ให้คนทุกกรุ๊ป มีความเสมอภาคให้คนทุกคน
แต่ว่าความเห็นที่ถูกเอ่ยถึงมากที่สุด กลับมาจากฝั่งที่มีแนวคิดด้านการเมืองตรงกันข้ามกับสมาชิกส่วนใหญ่ในกรุ๊ป “ย้ายประเทศกันเถอะ” โน่นคือ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรพีชญ์ อาจารย์ประจำภาควิชาสถิติปรับใช้ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ซึ่งโพสต์เล่าประสบการณ์การใช้ชีวิตที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เกือบ 6 ปี ตอนเรียนปริญญาเอก โดยเห็นด้วยว่าช่วงแรกมีความคิดจะไม่กลับเมืองไทย จะอยู่สหรัฐอเมริกา ต่อ
เมื่ออยู่สหรัฐอเมริกา ได้ครู่หนึ่ง ก็เลยทราบดีว่าตัวเองเป็นแค่ “พลเมืองชั้นสอง” เจอความไม่เท่าเทียมกันหรือการเกลียดไม่พอใจ (prejudice) หลายชนิด เลยรู้ดีว่าอยู่ที่ใดก็ปราศจากความสุขเสมือนเมืองไทย
แต่ว่าเรื่องราวที่ทำให้อาจารย์คนที่ใครๆก็รู้จักไม่ต้องการที่จะอยู่ต่างชาติต่อ คือเรื่องราวฝังใจในวันที่อากาศหนาวมากมาย…
“วันหนึ่งอากาศหนาวมากมาย ผมจะเข้าบ้านรุ่งเช้า เลยถอดถุงมือเพื่อให้จับลูกกุญแจไขลูกบิดได้ถนัด เอามือเปล่าจับประตูแล้ว เนื่องจากหนาวเย็นจัดมากมาย มือเปล่าๆเลยเกิดน้ำแข็งเกาะติดกับลูกบิดประตู ผมต้องก้มเอาลมปากร้อนๆเป่ามือจนถึงเอามือออกจากลูกบิด…” ผศ.ดร.อานนท์ เล่า
จุดพลิกผันนี้เองที่ทำให้ ผศ.ดร.อานนท์ เกิดคำถามในใจว่า จะอยู่ทรมาทรกรรมเป็นพลเมืองชั้นสามชั้นสี่ ในที่ที่ไม่ใช่ภูมิลำเนาทำไม? วินาทีนั้นก็เลยตัดสินใจว่าต้องกลับมารับใช้ชาติบ้านเรือน
“ชาติบ้านเมืองของพวกเรา บางทีอาจจะวุ่นวายไปบ้าง มีความบาดหมาง มีคนเลวทราม มีนักการเมืองชั่วช้า มีพลเมืองชั่วช้ารวมทั้งเห็นแก่ตัว มีต่างชาติเข้ามาแทรกแซงธุรกิจภายในประเทศ มีการกลั่นแกล้งรังควานกัน แต่ว่าหากพวกเราถือมั่นสำหรับการทำความดีเพื่อชาติบ้านเมือง ผมเชื่อมั่นว่าแล้วคุณความดีจะปกป้องพวกเรา อยู่ที่ใด ทำเพื่อคนไหนกันแน่ก็ไม่เท่ากับทำให้แผ่นดินเกิด”
ก่อนจบท้ายการโพสต์เล่าประสบการณ์ไม่ดีกับลูกบิดว่า ฝากให้คนชังชาติที่คิดจะไปอยู่บ้านเรือนอื่น ชาติอื่น แล้ววันใดวันหนึ่งคุณจะเข้าหัวใจ ตกลงว่า ขออำนวยพรให้พวกที่ต้องการไป ได้ไป ได้พบกับความจริง ขอให้รีบๆไปเลยนะครับ ขออำนวยพรให้ลาภดี ได้เข้าใจชีวิตจริงๆมิได้เหนี่ยวรั้ง มิได้ไล่ อำนวยพรให้ควรรีบไปให้เร็วสมปรารถนาประสงค์ควรทุกสิ่ง
ท้ายที่สุดเรื่องเล่าของ ผศ.ดร.อานนท์ ได้แปลงเป็นไวรัลในโซเชียล เพียง 24 ชั่วโมงหลังโพสต์ มีคนกดแชร์กว่า 1 หมื่นครั้ง แสดงอารมณ์กว่า 3.1 หมื่นครั้ง รวมทั้งแสดงความเห็นมากกว่า 3.3 พันครั้ง
สำหรับคนที่เห็นด้วยต่างชื่นชมที่ ผศ.ดร.อานนท์ นำวิชาความรู้กลับมารับใช้ชาติ อีกทั้งเป็นอันมากหัวใจให้สำหรับการต่อสู้เพื่อคุ้มครองป้องกันบ้านเรือน แต่ว่าฝั่งที่ไม่เห็นพ้องถล่ม ผศ.ดร.อานนท์ ว่า เป็นคนการศึกษาสูง เพราะเหตุใดก็เลยไม่รู้จักว่าควรใส่ถุงมือจับลูกบิดตอนอากาศหนาว ในช่วงเวลาที่อีกหลายๆคนล้อเลียนว่า ถ้าหากไม่ใช่เนื่องจากลูกบิด อาจไม่กลับมารับใช้ชาติ รวมทั้งต่อมา ผศ.ดร.อานนท์ ได้จำกัดผู้ที่สามารถแสดงความเห็นต่อโพสต์นี้ แล้ว
ปัจจุบัน ผศ.ดร.อานนท์ โพสต์ถึงประเด็นนี้อีกที โดยอธิบายว่า ตอนจะเข้าบ้าน ไขลูกกุญแจมิได้ เนื่องจากอุณหภูมิติดลบ 20 องศาเซลเซียส เลยถอดถุงมือออก แล้วไขกุญแจลูกบิด แล้วลืมใส่ถุงมือก่อนจับลูกบิดประตู เลยทำให้มือติดลูกบิดประตู เป็นเรื่องปกติ คนเราเผลอลืมกันได้
นอกเหนือจากนี้ยังกล่าวถึงชายคนหนึ่งว่า วิวาทกับคนในครอบครัว พอเขาปิดล็อกลูกบิดประตู กลับเอาขวานจามลูกบิดรวมทั้งประตูบ้านตัวเองจนถึงเละพังทลายยับ เอาแต่ใจตัวเอง ไร้วุฒิภาวะ มีแต่ว่าอารมณ์ ที่สำคัญทำลายอาคารบ้านเรือนรวมทั้งบ้านเรือนของตัวเอง
อย่างไรก็แล้วแต่ ผศ.ดร.อานนท์ มิได้กล่าวว่ากล่าวกล่าวถึงคนไหนกันแน่
More Stories
spk168 การสร้างความสำเร็จในยุคใหม่ สร้างรายได้เสริมกับ คาสิโนออนไลน์อันดับ1
เจ้าสัวเฟิร์มสอย ‘ดิย็อป’ จากค้อน 15 ลป.
ufabet555 รูปแบบใหม่ของความล้ำยุคมากมายที่สุดกับเว็บไซต์พนันบอลออนไลน์